BREAKING NEWS

ข้างเตียง - คอลัมน์ หลอน โดย นทธี ศศิวิมล

ข้างเตียง - คอลัมน์ หลอน โดย นทธี ศศิวิมล

ตั้งแต่ บ่ายจนหัวค่ำ มานะเอาแต่บ่นนั่นนี่รอบตัว ตั้งแต่สภาพของห้องผู้ป่วยรวม กิริยาอาการของพยาบาลและผู้ช่วย แม้แต่คนไข้เตียงอื่นๆ ดูเหมือนเขาก็ไม่พอใจไปเสียหมด

"กลับบ้านเถอะ" มานะบอกภรรยา ทั้งๆ ที่รู้ว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้

ภรรยา ถอนใจ "นี่พี่บ่นมาตั้งแต่บ่ายแล้วนะ อยู่ไปเถอะพี่ ไม่เสียตังค์ คืนสองคืนก็กลับแล้ว ดูพี่สิ ยืนยังไม่ค่อยไหว น้ำเกลือหมอให้มาหมดขวดไปแล้ว นี่ต่อขวดใหม่พี่ยังไม่ปวดฉี่เลย แสดงว่าร่างกายพี่ขาดน้ำมากนะ จะช็อกตายได้ หันฟังคนอื่นบ้าง หันเห็นใจคนอื่นบ้าง"

"พี่เนี่ยะนะ ไม่เห็นใจคนอื่น" มานะเสียงแข็ง

"เอาเถอะๆ เดี๋ยวหนูกลับไปเอาของที่บ้านมานอนเฝ้าพี่ หนูไปก่อนนะ"

มานะ ท้องเสียอย่างรุนแรงจนเพื่อนบ้านต้องช่วยกันหามส่งโรงพยาบาล หมอแจ้งว่าลำไส้อักเสบรับเข้าเป็นผู้ป่วยใน มานะไม่ยินยอมในตอนแรก จะกลับบ้านท่าเดียว แม้จะยอมในเวลาต่อมาแต่ก็ยังบ่นอุบอิบ เมื่อพยาบาลนำยาหลังอาหารค่ำให้รับประทาน เขาก็ว่า "ทำไมไม่ติดแอร์ ร้อนเป็นบ้า" พยาบาลไม่สนใจ หันหลังกลับไป มานะยังไม่เลิกบ่น หาว่ามารยาทพยาบาลแย่

"30 บาท ก็แบบนี้แหละ" คนไข้เตียงติดกันตัดบท แล้วก็ล้มลงนอนห่มผ้าหันหลังให้เป็นการยุติการสนทนา

สัก พักมานะก็นอนเหมือนคนอื่น เป็นเวลาดึกแล้วตอนที่มานะเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอายุราว 4-5 ขวบ สวมชุดนักเรียนอนุบาลกระโปรงเอี๊ยมแดง ผมหน้าม้าเปียสองข้าง สูงไม่ถึงราวเตียง กำลังยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงชายชราคนหนึ่งไกลๆ เนื่องจากเป็นห้องคนไข้รวม 30 เตียงที่วางเตียงหันหน้าเข้าหากันขนานไปกับความยาว แต่ละฝั่งจึงมี 15 เตียง ตอนนั้นเขายังนึกว่าดึกดื่นเช่นนี้เกินเวลาเยี่ยมทำไมเด็กคนนี้จึงยังอยู่ โรงพยาบาลนี่ไม่ไหวจริงๆ มานะบ่นในใจ มารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งด้วยเสียงพยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลกำลังรุมล้อมข้าง เตียงชายชราคนนั้น

มานะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งก็จากคำพูดของเพื่อนคนไข้ด้วยกัน

"ลุง แกดื่มน้ำ อยู่ๆ ก็เกิดกุมหน้าอกแล้วล้มลง คือแกหัวใจวายมาโรงพยาบาลน่ะ นี่ก็ดีขึ้นแล้ว ถึงได้ออกจากห้องไอซียู ทำไมเกิดกำเริบอีกก็ไม่รู้"

ตาย หรือ มานะคิด นึกไปนึกมาเขาก็จำได้ว่าชายชราคนนั้นอายุราวเจ็ดสิบปี มานะพูดกับภรรยาว่า "ก็เห็นแกดีๆ อยู่เลย นั่งปอกกล้วยกินหลังมื้อเย็น นี่พี่ก็หิวใจจะขาด อาหารโรงพยาบาลนิดเดียวเอง เป็นใครก็ไม่อิ่มหรอก" มานะกลับไปสู่การบ่นอีก

"นอนโรงพยาบาลนะ ไม่ใช่มาปิกนิก" ภรรยาบอก

มานะไม่ได้เล่าเรื่องเด็กชุดแดงให้ภรรยาฟัง เพราะไม่ได้นึกถึงความเชื่อมโยงในตอนนั้น

เช้า มืด มานะเห็นเด็กผู้หญิงเอี๊ยมแดงอีกครั้งคราวนี้ยืนข้างเตียงผู้ป่วยที่อยู่ถัด ไปสองเตียง เด็กน้อยยืนนิ่งผิดวิสัยเด็ก เขาแปลกใจกำลังจะลุกขึ้นนั่งเด็กชุดแดงไม่อยู่แล้ว มานะลุกไปห้องน้ำกลับมาก็เห็นความวุ่นวายข้างเตียงนั้น พยาบาลและผู้ช่วยดึงผ้าม่านล้อมรอบเตียง เกิดอะไรขึ้น เขาถามคนไข้เตียงข้างๆ แต่ไม่มีใครตอบได้ สักพักผ้าล้อมเตียงก็รูดเปิด พยาบาลช่วยกันเข็นเตียงผู้ป่วยออกจากห้องอย่างรีบร้อน

เย็นนั้นเองมานะจึงทราบว่ามีคนไข้คนนั้นเสียชีวิตแล้ว ญาติมาเก็บข้าวของข้างเตียงพลางเล่าให้ฟัง

มานะ ตื่นขึ้นกลางดึกเพราะรู้สึกแปลกๆเหมือนมีคนเรียก หางตาเห็นสีแดงแวบๆอยู่ข้างเตียง เขาใจหายวาบ เสียวสันหลังแปลบปลาบ แต่ก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้ เขาค่อยๆ หันหน้าไปดู และเห็นใบหน้าใต้ผมหน้าม้าเปียคู่ ในชุดนักเรียนอนุบาลเอี๊ยมแดง ยืนจ้องหน้าเขาอยู่ข้างเตียง เป็นเด็กคนเดียวกันไม่ผิดแน่ๆ ระยะห่างเพียงช่วงแขนเดียวทำให้มานะเห็นว่าใบหน้าของเด็กนอกจากดูไม่มีสีสัน ของเลือดฝาดตามวัยแล้ว ดวงตาแกยังดูแข็งกระด้างไม่มีแวว

แล้วเด็กก็วิ่งหายไป เขาหันไปถามเตียงข้างๆ "เห็นเด็กชุดแดงไหม"

ไม่ มีใครเห็น แม้แต่ญาติคนไข้ที่มาเฝ้าไข้ก็ไม่เห็น มานะถามคนอื่นๆ อีกหลายเตียง ไล่ไปถึงพยาบาลเวร ทุกคนก็ยืนยันว่าไม่มีเด็กผู้หญิงชุดแดงในที่นี้

มานะเริ่ม กลัว ใจเต้นแรง ภรรยาก็ยังไม่มาเสียที เขาเริ่มเชื่อมโยงการเห็นเด็กเอี๊ยมแดงยืนข้างเตียงใคร คนนั้นก็มักเสียชีวิต ทำเอาแผ่นหลังเริ่มชื้น เหงื่อผุดตามไรผม อยากจะเล่าให้ภรรยาฟังและนำเขาออกจากโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด สักพักรู้สึกปวดและเกร็งที่ท้องขึ้นมา พยาบาลมาช่วยเพิ่มยาแก้ปวดแต่อาการเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย

เมื่อ ภรรยามาถึง มานะเล่าเรื่องเด็กชุดแดงแล้วก็โยงไปถึงการตายของเตียงอื่นๆ ภรรยาได้แต่พูดว่าไร้สาระ "พรุ่งนี้พี่ก็คงกลับได้ ไม่เป็นไรแล้วนี่"

"พี่ปวดท้องมากเลยตอนนี้"

"งั้นยิ่งกลับไม่ได้ อยู่ใกล้ๆ หมอดีกว่า"

"ไม่ได้นะ เด็กนั่นต้องมาเอาพี่ไปแน่"

"บ้าแล้วพี่ นอนพักเหอะ เดี๋ยวหนูต้องกลับไปธุระที่บ้านก่อน ดึกๆ จะมานอนเฝ้า"

ภรรยาของมานะกลับบ้านไปแล้ว

แต่ มานะกลับปวดท้องมากขึ้น เหมือนมีใครมาบีบท้องอยู่ตลอด สักพักก็นึกอยากอาเจียน เวลาผ่านไปๆ ดึกขึ้นๆ มานะนอนกุมท้องอยู่ตลอด หันไปคราใดก็เห็นเด็กชุดแดงยืนข้างเตียงและยิ้มให้เขาอยู่อย่างนั้น
ที่มา: khaosod
 
สงวนลิขสิทธิ์ © ข่าว ไทย