“ทุเรียนอ่อนยังคงมีปัญหาเหมือนเดิม แม้ที่ผ่านมาได้พยายามแก้ปัญหามาตลอด แต่ยังไม่หมดไป เนื่องจากทุเรียนอ่อนน้ำหนักดีกว่าทุเรียนแก่และการขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยว เป็นเหตุให้เกษตรกรขายทุเรียนในแบบเหมาสวน ทำให้ไม่สามารถควบคุมการเก็บเกี่ยวได้”
เพื่อเป็นการขจัดปัญหาทุเรียนอ่อนที่ปลายทาง ไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ กรมส่งเสริมการเกษตร มีวิธีการเลือกทุเรียน
วิธีเลือกซื้อให้ได้ทุเรียนแก่จัดที่มีคุณภาพ สามารถเก็บนาน 3–5 วันก่อนรับประทาน มีคาถาที่ต้องท่องจำให้ขึ้นใจ... ดู–ดีด–ดม–ดูด
ดู...หนามทุเรียนต้องกาง ฐานหนามต้องถ่างกว้าง พลูโต เส้นแบ่งกลางพลูต้องชัดเจน ที่สำคัญปลายหนามต้องแห้งเป็นสีน้ำตาล ถ้าปลายหนามยังเขียวอย่าซื้อ เพราะเป็นทุเรียนอ่อน ขั้วต้องแข็งสาก ปลิงบวมโต ถ้าปลิงไม่บวมแสดงว่าทุเรียนอ่อน (ยกเว้นพันธุ์ก้านยาว)
ดีด...ใช้นิ้วดีด หรือใช้มือโกรกหนามบริเวณกลางพลู ถ้ามีเสียงดังโปร่งๆ คล้ายเป็นโพรง เหมือนเอามือตีหมอน หรือกาบมะพร้าวแห้ง เป็นอันใช้ได้ แต่ถ้าเสียงดังแน่นทึบแปลว่า ทุเรียนอ่อน
ดม...ให้ดมว่าบริเวณก้นผล ถ้ามีกลิ่นแสดงว่าใกล้สุกต้องรีบกิน เก็บได้ไม่นาน
ดูด...ใช้ได้กรณีทุเรียนที่ตัดมาขายมีก้าน ให้เอามีดตัดที่ก้านผลบริเวณเหนือปลิง แล้วลองดูดน้ำใสๆ ถ้ามีรสหวาน ปะแล่มๆ แสดงว่าเป็นทุเรียนแก่ แต่ถ้าเป็นทุเรียนอ่อนจะมีรสฝาด
ส่วนการเลือกซื้อทุเรียนไปกินทันที เพื่อให้ได้ทุเรียนกินอร่อย ไม่อ่อนและไม่เป็นปลาร้า มีคาถาแค่ 3 บท...ดู–ดีด–ดม
ดู...หนามต้องเป็นสีน้ำตาล ผิวทุเรียนต้องสด ไม่เหี่ยวแห้ง ขั้วปลิงจะต้องไม่หลุด ขั้วต้องสด แต่ถ้าเจอทุเรียนไม่มีขั้ว อย่าซื้อ ไม่เพียงอาจจะเสี่ยงได้ทุเรียนปลาร้า อาจจะได้ทุเรียนอ่อนที่หล่นจากต้นเพราะพายุฤดูร้อน รวมทั้งเป็นทุเรียนอ่อนที่เก็บไว้นานจนขั้วเน่าแต่ทุเรียนไม่สุก แม่ค้าเลยเฉือนรอยเน่าไปหมด จนไม่เหลือขั้วให้เห็น
ดีด...ทุเรียนสุกจริง ดีจริง เคาะดีดตรงกลางสันพลู ต้องมีเสียงดังก๊อกๆ ทุกพลู
ดม...ตรงก้นผล ทุเรียนสุกถ้าจะมีกลิ่นหอมยั่วน้ำลายโชยออกมา ถือกลับบ้านแกะกินได้เลย.