BREAKING NEWS

บังนิงเจอหมายจับ

มีเต็นท์รถมือ2โยงคาร์บอมบ์แจกรูปสเกตช์‘2ผู้ต้องสงสัย’
ศาลจังหวัดยะลาอนุมัติหมายจับ “บังนิง” ผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชื่อมโยงคดีคาร์บอมบ์เกาะสมุย เป็นนายหน้าค้ารถมือสองต้องสงสัยติดต่อซื้อขายรถกระบะคาร์บอมบ์กับรถคุ้มกันรวม 3 คัน ทหารส่งตัวให้ตำรวจสอบสวนพบข้อมูลนายหน้าค้ารถอีกคนใน จ.ปัตตานี อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่เจอตัว ผบ.ตร.ยันคดีคืบหน้าไปมาก รู้ตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมด 6-7 คน ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาก่อนเสนอต่อศาลออกหมายจับ ยังไม่ฟันธงมีนักการเมืองเอี่ยวด้วย ขณะที่ตำรวจพาพยานไปสเกตช์ภาพผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนเป็นคนขับรถคาร์บอมบ์ไปจอดแวะซื้อของในเซเว่นฯ ปั๊มน้ำมัน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช
ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีคาร์บอมบ์ถล่มลานจอดรถใต้ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ยังเดินหน้าหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุคาดว่ามีประมาณ 6-7 คน ถึงแม้ว่าผ่านมานาน 11 วันแล้วยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหา แต่ได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำหลายราย พร้อมออกภาพสเกตช์คนร้ายที่ขับรถกระบะคาร์บอมบ์ รวมทั้งระดมกำลังตามล่ารถยนต์ที่ร่วมก่อเหตุอีก 3 คัน เป็นรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์ รถกระบะมิตซูบิชิไทรทัน 4 ประตู สีขาว และรถกระบะอีซูซุดีแมคซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์ คาดว่าทั้ง 3 คัน หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้
ความคืบหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า คดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่เรื่องการออกหมายจับต้องใช้ความรอบคอบ จะไปกำหนดเวลาหรือเร่งรัดคงไม่ได้เพราะจะทำให้เกิดความผิดพลาด ถ้ารวบรวมพยานหลักฐานไม่เพียงพอและศาลปฏิเสธการออกหมายจับขึ้นมาจะทำให้เกิดความเสียหาย แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้ที่ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด ส่วนจะสามารถออกหมายจับใครได้มากน้อยแค่ไหนต้องรอและขอเวลาให้พนักงานสอบสวนได้ทำงานอีกสักหน่อย
ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า ข้อมูลของตำรวจ ทหาร และฝ่ายความมั่นคงเป็นข้อมูลเดียวกันเพราะมีการทำงานร่วมกัน ตามที่มีกระแสข่าวถึงนายพล “จ” เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เรื่องนี้คงไม่ไประงับข่าวลือหรือบิดเบือนข่าวได้ อยากจะบอกว่าข่าวก็คือข่าว แต่เราไม่กล้าพูดหรือเจาะจงไปในลักษณะเช่นนั้น ตนได้รับทราบข้อมูลจากทางไลน์ที่มีการส่งกันมา ยังสงสัยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ส่วนจะมีนักการเมืองเข้าไปมีส่วนร่วมหรือไม่ ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะตนจะไม่เข้าไปลึก แต่มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ประมาณ 6-7 คน แต่ละคนมีหน้าที่แบ่งกันทำ ทั้งนี้ การเป็น ผบ.ตร.บางครั้งรู้ไม่ครบทุกเรื่องเพราะไม่อยากรู้ ปล่อยให้ผู้ปฏิบัติได้ทำงานอย่างเต็มที่ ถ้าไปรู้มากจนเกินไปแล้วหลุดปากพูดออกไปอาจก่อให้เกิดความเสียหาย ตนยังกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาเองว่า คดีสำคัญที่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน อย่ารีบพูดออกไปเพราะอาจทำให้เสียหายต่อรูปคดี ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ยากขึ้น ส่วนที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันเวลาที่เข้าไปยังจุดเกิดเหตุมักจะถ่ายรูปส่งต่อกันตามไลน์กลุ่มทำให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดี ที่เป็นห่วงมากที่สุดคือการนำภาพส่งต่อกันแบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติในพื้นที่ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามที่เข้าถึงข้อมูลรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ทางภาคใต้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีความเข้มงวดตรวจตราความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะสมุยมันเป็นเรื่องพิเศษ มีความจงใจให้เกิดขึ้นเพื่อสร้างสถานการณ์ดิสเครดิตรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องโจรก่อการร้ายภาคใต้ขยายพื้นที่ ได้สั่งการให้เฝ้าระวังพื้นที่สำคัญต่างๆ จึงอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันเฝ้าระวังเป็นหูเป็นตา เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ศาลจังหวัดยะลาได้อนุมัติหมายจับและควบคุมตัวตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ ฉฉ.14/2558 ให้จับตัวนายอับดุลรอนิง ดือราแม อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/3 ซอย 2 ถนนปากน้ำ ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี ความผิดฐาน ผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 11 (1) จากเหตุเมื่อวันที่ 31 มี.ค.58 เวลา 08.00 น. บนถนนสายตาเปาะ-ปาโจ หมู่ 2 ต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา ถึงวันที่ 10 เม.ย.58 เวลา 22.30 น. ที่ ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
สำหรับนายอับดุลรอนิง ดือราแม หรือบังนิง ที่ศาลจังหวัดยะลาอนุมัติหมายจับ เป็นนายหน้าขายรถมือสองผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ที่ติดต่อซื้อขายรถกระบะที่ประกอบเป็นคาร์บอมบ์กับรถคุ้มกันรวม 3 คัน ถูกทหารควบคุมตัวไปสอบสวนตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนส่งตัวให้ตำรวจเมื่อวันที่ 20 เม.ย. จนกระทั่งถูกศาลออกหมายจับและส่งตัวไปควบคุมที่ศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมืองยะลา เจ้าหน้าที่ซักถามได้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่อยู่ในเครือข่ายกลุ่มซื้อขายรถยนต์มือสองในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา โดยเฉพาะหนึ่งในผู้ต้องสงสัยอีกคนเป็นนายหน้ารับซื้อขายรถมือสองใน จ.ปัตตานี แต่ยังไม่พบตัว ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญกำลังติดตามตัวอยู่ หากบุคคลดังกล่าวมีตัวตนและหายตัวไปก็อาจเชื่อได้ว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่การติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีเผยว่า ขณะนี้รู้ตัวผู้ร่วมก่อเหตุแล้ว 6-7 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มขบวนการที่มีหมายจับคดีความมั่นคงในพื้นที่ จ.ปัตตานี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ทั้งนี้ จากพยานหลักฐานเกี่ยวกับรถคาร์บอมบ์พบว่าการประกอบระเบิดและวัตถุพยานอื่นๆ มีส่วนคล้ายกับเหตุคาร์บอมบ์ใน จ.ปัตตานี โดยชุดสืบสวนคดีสำคัญศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงปฏิบัติการในทางลับกระจายกำลังลงพื้นที่ จ.ปัตตานี
ปิดล้อมตรวจค้นไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง ทั้งบ้านต้องสงสัยและเต็นท์รถมือสอง แต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ รวมทั้งบุคคลต้องสงสัยก็ไม่พบตัว คาดว่าน่าจะหลบหนีไปแล้ว ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ
ส่วนการติดตามเบาะแสของรถยนต์ที่อยู่ในกลุ่มคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 3 คันคือ รถเก๋งฮอนด้าซีวิค รถกระบะมิตซูบิชิไทรทัน และรถกระบะอีซูซุดีแมคซ์ ชุดสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญได้ประสานไปยังชุดสืบสวนทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เร่งค้นหาแกะรอยเส้นทางการหลบหนีอย่างต่อเนื่อง จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดพบว่า รถทั้ง 3 คันได้แยกย้ายกันหลบหนีอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ 4 อำเภอของ จ.สงขลา และอาจจะมีการดัดแปลงสีรถเพื่อประกอบคาร์บอมบ์เตรียมก่อเหตุเพื่อทำลายหลักฐาน
ด้านหน่วยข่าวความมั่นคงระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุและมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดข้อสังเกตว่าบุคคลที่ร่วมขบวนการลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์เกาะสมุยเป็นขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้อยู่เบื้องหลังในการก่อเหตุ เพื่อต้องการดิสเครดิตแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองและการแสดงศักยภาพของขบวนการก่อความไม่สงบที่ต้องการขยายพื้นที่ก่อเหตุตามเป้าหมายของกลุ่ม ส่วนกรณีการเข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่เชื่อมโยงกับการซื้อขายรถยนต์ที่ร่วมก่อเหตุทั้ง 4 คันนั้นก็ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนจากผู้ที่ถูกควบคุมตัว ทำให้กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรถมือสองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความวิตกกังวลว่าจะตกเป็นเหยื่อของเจ้าหน้าที่รัฐ
ส่วนกรณีตำรวจ กก.สส.บก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช ตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยขับรถกระบะคาร์บอมบ์ไปจอดแวะพักผ่อนและเข้าไปซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ริมถนนสายนครศรีธรรมราช-สงขลา อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ก่อนเกิดเหตุคาร์บอมบ์ 1 วัน แม้กล้องวงจรปิดภายในร้านจะจับภาพใบหน้าของผู้ต้องสงสัย 2 คนได้บางส่วนก็ตาม แต่เพื่อความชัดเจนตำรวจจึงนำพนักงานของร้านเซเว่นฯที่เห็นหน้าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนไปสเกตช์ภาพที่ บก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นนำภาพสเกตช์
ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนออกแจกจ่ายตำรวจตามพื้นที่ต่างๆเพื่อตามล่าตัวแล้ว จากการตรวจสอบภาพสเกตช์ พบว่า 1 ในผู้ต้องสงสัยคาดว่าน่าจะเป็นนายฮากีม แกนนำกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และคาดว่านายฮากีมจะเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่จะถูกออกหมายจับเร็วๆนี้
พ.ต.อ.ชัยยันต์ บัณฑิต พงส.ผทค.สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย เผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เสนอขออนุมัติศาลจังหวัดเกาะสมุยออกหมายจับผู้ต้องหาคดีคาร์บอมบ์แต่อย่างใด คาดว่าต้องการรอพยานหลักฐานเชื่อมโยงอีกเล็กน้อยก่อนที่จะรวบรวมเสนอขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับต่อไป
ดร.ตายูดิน อุสมาน นักวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวถึงการทำงานของฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวกับคดีคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุยว่า เป็นการด่วนสรุปเกินไป ทั้งที่เพิ่งเกิดเหตุแล้วจู่ๆ ออกมาฟันธงว่าฝีมือโจรใต้หรือการเมือง ตนคิดว่าไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ต้องละเอียดมีข้อมูลมากกว่านี้ที่จะมาฟันธงว่าใครเป็นคนทำ เพราะดูแล้วมันไกลมากกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่าจะไปถึงสุราษฎร์ธานีนั้นมีอุปสรรคมากมาย ตนมองว่าอย่าด่วนรีบสรุป น่าสงสารคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีอะไรเกิดขึ้นก็โยนให้ทุกเรื่อง
บังนิงเจอหมายจับ
 
สงวนลิขสิทธิ์ © ข่าว ไทย