BREAKING NEWS

ดินไหวทะเลภูเก็ต ชี้ถ่ายเทพลังจากเนปาล

ดินไหวทะเลภูเก็ต ชี้ถ่ายเทพลังจากเนปาล

ถึงคิวเมืองไทยแผ่นดินไหวเขย่าขวัญ 3 จังหวัด ชายฝั่งทะเลอันดามัน “ภูเก็ต-พังงา-กระบี่” ตอนเช้ามืด แรงสั่นสะเทือนขนาด 4.6 แมกนิจูด ศูนย์กลางอยู่ตอนใต้เกาะยาว จ.พังงา ลึกลงไป 4 กม. โชคดีไม่เกิดสึนามิ และไม่มีความเสียหาย แต่ชาวบ้านบางส่วนโดยเฉพาะชาวเลและบนเกาะพีพี ผวาคลื่นยักษ์รีบพากันอพยพขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย ต่อมาช่วงเที่ยงเศษเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 3.2 ที่จุดเดิม ผอ.สำนักธรณีวิทยาเผยสาเหตุเป็นการถ่ายพลังจากแผ่นดินไหวใหญ่ที่เนปาลเกิดจากรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ชี้ระดับความแรงไม่เกิน 5 แมกนิจูด ถือเป็นเรื่องปกติ ด้านธรณีพิโรธเนปาลมีผู้วิเคราะห์อาจมียอดสังเวยชีวิตถึง 1 แสนศพ เทียบจากสำมะโนประชากรยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกล
เหตุการณ์แผ่นดินไหวระทึกขวัญ 3 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันทางตอนใต้ของไทยเกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.18 น. วันที่ 6 พ.ค. สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานการเกิดแผ่นดินไหวบริเวณตอนใต้ของเกาะยาว จ.พังงา พิกัดละติจูด 7.88 องศาเหนือ ลองจิจูด 98.54 องศาตะวันออก ลึกลงไปใต้ดิน 4 กม. วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.6 แมกนิจูด รับรู้แรงสั่นไหวได้บริเวณ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.กระบี่ ไม่มีการแจ้งเตือนคลื่นยักษ์สึนามิจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแต่อย่างใด โดยที่ จ. ภูเก็ต ขณะเกิดเหตุประชาชนส่วนใหญ่นอนหลับอยู่ในบ้านและอาคารต่างๆ สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นไหวได้อย่างชัดเจน ลักษณะคล้ายมีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งผ่านบ้านเป็นเวลา 5-7 วินาที โดยเฉพาะพื้นที่ด้านทิศตะวันออกของ จ.ภูเก็ต ใกล้ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวจะสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้มากสุด เช่นพื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมือง ต.ป่าคลอก ต.เทพกระษัตรี ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหาย
หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ส่งผลให้หมู่บ้านชาวไทยใหม่ หรือชาวเล บ้านแหลมตุ๊กแก ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต อีกหนึ่งจุดที่รับรู้แรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สร้างความแตกตื่นตกใจให้ชาวบ้านหลายร้อยครัวเรือนรีบพากันหอบหิ้วลูกเล็ก คนชรา ทรัพย์สินมีค่า รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่พอจะหยิบติดมือได้เผ่นหนีออกจากบ้าน อพยพไปยังโรงเรียนบ้านเกาะสิเหร่ ซึ่งเป็นจุดใช้ในการอพยพกรณีเกิดภัยพิบัติสึนามิ อยู่ห่างจากหมู่บ้านราว 2 กม. ภายหลังได้รับการยืนยันว่าไม่มีผลทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ จนมั่นใจว่าปลอดภัยแน่แล้วจึงทยอยกลับเข้าบ้านของตนเองในช่วงเวลาเกือบรุ่งเช้า
นอกจากนี้ มีชาวบ้านบางส่วนไปเดินสำรวจระดับน้ำทะเลที่ชายหาดแหลมตุ๊กแกเพื่อเฝ้าระวังสึนามิ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังอยู่ในอาการตื่นตกใจเผยว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีการสั่นไหวรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ ทำให้ต้องรีบออกจากหมู่บ้านไปยังจุดปลอดภัย ขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านส่งต่อภาพเมฆดำลักษณะคล้ายพระพุทธรูปลอยอยู่เหนือวัดเกาะสิเหร่ ต.รัษฎา พื้นที่ใช้อพยพชาวบ้านหลังเกิดแผ่นดินไหวเมื่อช่วงเกือบรุ่งเช้า รวมถึงภาพสายรุ้งที่ขึ้นจากทะเลบริเวณบ้านแหลมตุ๊กแกในเวลาใกล้เคียงกัน โดยทั้งก้อนเมฆและสายรุ้งปรากฏอยู่ประมาณ 10 นาที มีชาวบ้านและผู้สื่อข่าวบันทึกภาพไว้ได้ หลายคนเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองชาวเกาะสิเหร่และชาวภูเก็ตให้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้
ที่ จ.กระบี่ สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ประมาณ 10 วินาที โดยเฉพาะผู้ที่พักอาศัยอยู่ตามตึกสูง หลังเกิดเหตุผู้สื่อข่าวออกตระเวนสำรวจบรรยากาศในตัวเมืองกระบี่ ปรากฏว่าไม่มีความแตกตื่นใดๆ มีเพียงชาวบ้านบางส่วนออกจากที่พักมายืนจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายกีรติ เนื้อน้อย พักอาศัยอยู่บนคอนโดฯแห่งหนึ่งกลางเมืองกระบี่ เผยว่า นอนพักอยู่บนชั้น 4 ของอาคาร ขณะเกิดเหตุรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้อย่างชัดเจน รู้ว่ามีแรงสั่นและสิ่งของเครื่องใช้บางอย่างภายในห้องพักโยกไปมา แต่ไม่มีอะไรได้รับความเสียหาย
ส่วนที่เกาะพีพี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.กระบี่ ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่ทราบข่าวการเกิดแผ่นดินไหวและรับรู้แรงสั่นสะเทือนก็รีบพากันออกจากที่พัก เดินทางขึ้นไปอยู่บนที่สูงตามเส้นทางหนีภัยคลื่นยักษ์สึนามิ ก่อนทยอยเดินลงมาในช่วงเช้าหลังมั่นใจว่าไม่เกิดสึนามิ ขณะที่หาดอ่าวนาง นักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่พักอยู่บนที่สูงตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้เช่นกัน แต่ไม่ได้มีการแตกตื่นตกใจแต่อย่างใด ทั้งนี้นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผวจ.กระบี่ กล่าวว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ในหลายพื้นที่ หลังเกิดเหตุได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบว่ามีความเสียหายใดหรือไม่ เบื้องต้นไม่มีความเสียหาย และได้แจ้งให้ประชาชนได้รับทราบว่าไม่มีคลื่นยักษ์สึนามิ ขอให้อยู่ในความสงบ อย่าได้แตกตื่น
ต่อมาเวลา 12.25 น. ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกบริเวณตอนใต้ของเกาะยาว จ.พังงา ใกล้เคียงจุดเดียวกับที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อตอนเช้ามืดวันเดียวกัน บริเวณละติจูด 7.83 องศาเหนือ ลองจิจูด 98.54 องศาตะวันออก ลึกลงไปประมาณ 1 กม. วัดแรงสั่นสะเทือนขนาด 3.2 แมกนิจูด แต่อาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้นประชาชนในพื้นที่ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ไม่ได้ รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนแต่อย่างใด
ที่ จ.พังงา หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.6 แมกนิจูด ที่เกาะยาว ในช่วงเช้ามืด และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาขนาด 3.2 ในช่วงเที่ยงวัน ส่งผลให้ในทะเลมีกระแสน้ำวนและไหลเชี่ยว ชาวประมงไม่สามารถออกจับสัตว์น้ำมาจำหน่ายได้ โดยนายทวี แพใหญ่ ที่ปรึกษาสมาคมประมงทับละมุ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง กล่าวว่า ปัญหาใหญ่สำหรับการทำประมงในทะเลอันดามันช่วงนี้คือแผ่นดินไหวแต่ละครั้งทำให้กระแสน้ำเชี่ยวและไหลวน ส่งผลให้ปลาหรือสัตว์น้ำอื่นๆในท้องทะเลหลบหนี ไม่สามารถจับสัตว์น้ำ
มาจำหน่ายได้ และการใช้อุปกรณ์การทำประมงก็ยากยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการแต่ละรายต้องสูญเสียต้นทุนไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างแรงงาน ค่าน้ำมันเรือ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ประมาณวันละ 300,000 บาท เมื่อรวมค่าเสียหายในเหตุการณ์แผ่นดินไหวแต่ละครั้งทั้งผู้ประกอบการรายอื่นด้วยนับเป็นตัวเลขหลายสิบล้านบาท ต้องรอให้ท้องทะเลกลับเข้าสู่ภาวะปกติคาดว่านานเป็นอาทิตย์จึงสามารถออกทะเลจับสัตว์น้ำได้ตามปกติ
ด้านนายสมบุญ โฆษิตานนท์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กล่าวถึงเหตุแผ่นดินไหวขนาด 4.6 บริเวณตอนใต้ของเกาะยาว จ.พังงา ว่า ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้อยู่ในระดับความรุนแรงเกินขนาด 5 จนส่งผลกระทบ การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.8 ที่ประเทศเนปาล จากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.5 ที่ประเทศปาปัวนิวกินี และมีแผ่นดินไหวซ้ำเกิดขึ้นตามมาอีกหลายครั้ง ตั้งแต่ขนาด 4-7 ก่อนจะเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศอินโดนีเซีย ทั้งหมดตั้งอยู่บนรอยเปลือกโลกเดียวกัน จนส่งผลกระทบถึงรอยเลื่อนที่มีพลังของประเทศไทย 2 รอยเลื่อนคือ รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ความยาว 150 กม. ที่พาดผ่านจาก จ.สุราษฎร์ธานี ลงมา จ.พังงา จ.ภูเก็ต แล้วพาดลงไปในทะเลอันดามัน กับรอยเลื่อนระนอง ความยาว 270 กม. กินพื้นที่ตั้งแต่ จ.ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และพังงา โดยแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นจากรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย
ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมกล่าวด้วยว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นการถ่ายพลัง เมื่อมีแผ่นดินไหวที่เนปาลส่งผลกระทบมายังพม่า อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี ย่อมเป็นธรรมดาที่ประเทศไทยที่อยู่ตรงกลางจะต้องได้รับผลกระทบไปด้วย แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ต้องระมัดระวัง เนื่องจากรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยและรอยเลื่อนระนองถือเป็นกลุ่มรอยเลื่อนที่มีการขยับตัวชัดเจน ทั้งยังเป็นรอยเลื่อนที่มีพลัง แม้แผ่นดินไหวส่วนใหญ่จะเกิดจากรอยเลื่อนหลักแล้ว จึงส่งผลไปรอยเลื่อนแขนง แต่เมื่อรอยเลื่อนแขนงขยับตัวแล้วก็อาจส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวบนตัวรอยเลื่อนหลักได้เช่นกัน แต่ไม่น่าจะเกิดรุนแรง เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้ตั้งอยู่บนแนวการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกเหมือนกับประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น จึงไม่สามารถก่อให้เกิดแผ่นดินไหว
ขนาดใหญ่ได้
ขณะที่กรมทรัพยากรธรณีรายงานสถานการณ์แผ่นดินไหวในทะเล เมื่อเวลา 04.18 น. วันที่ 6 พ.ค. บริเวณทางตอนใต้ของเกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา ขนาด 4.6 แมกนิจูด ที่ระดับความลึก 4 กม. สาเหตุเกิดจากการเลื่อนตัวของรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยตามแนวระนาบแบบเหลื่อมซ้าย นอกจากนั้นยังรายงานการเคลื่อนตัวของกลุ่มรอยเลื่อนพะเยา (รอยเลื่อนแม่ลาว) บริเวณ อ.พาน จ.เชียงราย ปัจจุบันมีแผ่นดินไหวตามหรืออาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นรวมทั้งหมด 1,264 ครั้ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงานที่ติดตามเหตุแผ่นดินไหวในไทยยืนยันโอกาสเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่มีความรุนแรงมากกว่า 7 ในประเทศไทยมีน้อยมาก เนื่องจากแนวรอยเลื่อนมีพลังทั้ง 14 รอยในประเทศไทยล้วนแต่เป็นรอยเลื่อนขนาดเล็ก โดยกรมทรัพยากรธรณีได้จัดทำแผนที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวและอบรมให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงแล้ว อีกทั้งระบบเตือนภัยทางฝั่งอันดามันมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง รับทราบข้อมูลจากนายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ว่ากรณีเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณเกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา ทำให้เกิดรอยเลื่อนวางตัวแนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ จาก จ.สุราษฎร์ธานี ถึง จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต และเกิดแผ่นดินไหวอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งขนาดความแรงไม่มาก ทำให้ประชาชนในพื้นที่อาจไม่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
ทางด้านเหตุแผ่นดินไหวที่เนปาล มีการคาดหมายกันว่าผู้ตกเป็นเหยื่อธรณีพิโรธอาจมียอดผู้เสียชีวิตสูงลิ่วถึง 1 แสนศพ ขณะที่ผู้บาดเจ็บคาดการณ์กันว่าจะมีถึงกว่า 3 แสนคน นับเป็นเรื่องสลดใจ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ทางการเนปาลยืนยัน มีเพียง 7,557 คน บาดเจ็บกว่า 15,000 คน ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 พ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ในเนปาลว่า ยอดผู้เสียชีวิตยังพุ่งสูงและยังมีผู้สูญหายที่ยังไม่ได้รับรายงานหรือทราบชะตากรรมอีกหลายพันคน เพราะพื้นที่ประสบภัยห่างไกลอีกหลายแห่งยังเข้าไม่ถึง อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกระบุทางการเนปาลได้จัดตั้งสถานที่พักพิงชั่วคราวแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวแล้ว 58 แห่ง รองรับผู้ประสบภัยไว้ราว 37,500 คน
ขณะที่เว็บไซต์ไอเดียส์ เนปาล เผยแพร่ข้อเขียนของนายระวี กุมาร ผู้ร่วมก่อตั้งคอลัมน์ “โค้ด ฟอร์ เนปาล” เขียนรายงานเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ ระบุแผ่นดินไหวเนปาลครั้งนี้อาจก่อความสูญเสียชีวิตชาวเนปาลมากถึง 100,000 คน บาดเจ็บมากถึง 300,000 คน โดยอ้างข้อมูลทะเบียนราษฎรในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่แถบหุบเขากาฐมาณฑุที่มีประชากรอาศัยราว 2.5 ล้านคน พื้นที่ส่วนใหญ่พังพินาศ ซึ่งข้อมูลสำมะโนประชากรเมื่อปี 2554 ระบุ มีผู้ตั้งถิ่นฐานราว 59,000 ครัวเรือน และแผ่นดินไหวทำให้บ้านเรือนบริเวณนั้นพังพินาศราว 45,000 ครัวเรือน แต่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 1,300 คน ทำให้น่าเชื่อว่ายังมีผู้คนสูญหายและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก เมื่อรวมกับอีกหลายพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ
ส่วนการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ น.ส.มาริสา หรืออีฟ ธีรวงศ์ไกรสร ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวเนปาล นายอาคม และนางวีรุดา ธีรวงศ์ไกรสร บิดามารดา นางฟารีดา ธีรวงศ์ เบเกอร์ พี่สาว และนายกริช หรือคริส ธีรวงศ์ไกรสร พี่ชาย ที่เดินทางจากนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ พร้อมเพื่อนสนิท มาร่วมพิธีศพซึ่งจัดที่โบสถ์วัดมหาไถ่ มีผู้มาร่วมงานจำนวนมาก นายอาคมกล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมไว้อาลัย และจัดพิธีทางศาสนาคริสต์ที่วัดมหาไถ่ อีกครั้งในเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พ.ค. แล้วเคลื่อนศพไปฌาปนกิจตามศาสนาพุทธที่วัดหัวลำโพง เวลา 13.00 น.
 
สงวนลิขสิทธิ์ © ข่าว ไทย