BREAKING NEWS

ตะลึงศพโรฮิงยา-ฝังเกลื่อนชายแดน ที่สะเดา ขุด30จุด ส่งพิสูจน์

ตะลึงศพโรฮิงยา-ฝังเกลื่อนชายแดน ที่สะเดา ขุด30จุด ส่งพิสูจน์

พบหลุมศพชาวโรฮิงยากว่า30 หลุม บนเขาหัวช้างติดชายแดนไทย- มาเลย์ อ.สะเดา จ.สงขลา เบื้องต้นขุดได้ 4 ศพ เผยจุดที่พบเป็นค่ายกักกันชั่วคราวชาวโรฮิงยาหนีเข้าเมือง คาดมีอยู่ราว 1,000 คน ก่อนขนย้ายไปประเทศปลายทาง ด้าน "บิ๊กป๊อก" ชี้ศพที่พบ ตายจากขาดสารอาหารไม่ใช่ถูกทำร้าย ส่วนผบ.ทบ.สั่งตรวจตามหลักนิติเวช กำชับด่านตรวจเข้มคนแอบเข้าเมือง ขณะที่รองผบ.ตร.และทีมพิสูจน์หลักฐาน เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ ขยายผลไปพื้นที่ที่มีค่ายกักกันแรงงานตามแนวชายแดน เชื่อมีคนไทย มาเลเซีย และพม่าร่วมขบวนการ สื่อต่างประเทศ เชื่อศพที่พบเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ เพราะชายแดนมาเลเซีย-ไทย เป็นจุดพักพิงทาสอพยพ 

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังเทพสตรี ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ ชุดสืบภาคตำรวจภูธรภาค 9 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ร่วมกันเดินทางขึ้นเขาที่ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย บริเวณภูเขาลูกช้างบ้านตะโละ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ฝั่งตรงข้ามบ้านปาดังเบซาร์ อ.เมืองกางาร์ รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย

เข้าตรวจสอบที่พักชั่วคราวเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างประมาณ 39 หลัง แบ่งเป็นโรงนอน 26 หลัง ที่เหลือเป็นโรงครัว ที่อาบน้ำ ห้องน้ำ รวมทั้งหอคอยสังเกตการณ์ ซึ่งลักษณะเป็นค่ายเก่าถูกสร้างมานาน ขณะที่บางหลังเหลือเพียงแต่โครงไม้เท่านั้น 

โดยห่างจากแคมป์ออกไปประมาณ 50 เมตร พบว่าถูกแผ้วถางสำหรับใช้เป็นสุสานฝังศพเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ แบบเดียวกับหลุมฝังศพของชาวมุสลิม มีการนำไม้และปลูกต้นไม้ปักไว้บนหัวและท้ายหลุมฝังศพ เพื่อเป็นเครื่องหมาย ซึ่งมีทั้งหลุมใหม่และเก่าประมาณ 30 หลุม และยังพบคานหามศพที่สร้างแบบง่ายๆ โดยใช้กระสอบมาขึงกับไม้วางตั้งอยู่ด้วยและหลุมฝังศพ (ปักไม้เรียงกัน) จำนวน 30 กว่าหลุม ซึ่งคาดว่ามีศพไม่ต่ำ 30 ศพ 

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภายในค่ายพักยังพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ภายในค่าย 1 ราย เป็นเพศชาย ทราบชื่อคือนายคู ตันซา ซึ่งนอนล้มป่วยอยู่ภายในค่าย รวมทั้งชายวัยกลางคนอีก 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ได้เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานทั้งเสื้อผ้าและเครื่องใช้ที่ยังหลงเหลืออยู่ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานสอบสวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่บริเวณโดยรอบแล้วเสร็จ ทางหน่วยกู้ภัยได้ขุดหลุมศพจำนวน 5 หลุม แต่พบศพเพียง 4 ศพ ซึ่งลักษณะศพที่พบเสียชีวิตมานานหลายวัน และเริ่มเน่า ส่วนหลุมศพมีทั้งขุดลึกลงไปตั้งแต่ความลึกระดับหัวเข่าจนถึงลึก 1-2 เมตร และต้องยุติการขุดชั่วคราว เพราะเกรงว่าอาจจะทำลายหลักฐาน โดยต้องรอให้เจ้าหน้าที่นิติเวชเข้าตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลก่อน ส่วนศพทั้ง 4 ศพ ได้ส่งไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เพื่อรอการพิสูจน์

พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบหลุมฝังศพจำนวน 30 หลุม ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ามีศพอยู่ทั้งหมดกี่ศพ และต้องมีการขุดศพขึ้นมาตรวจพิสูจน์ถึงสาเหตุการตาย โดยได้ประสานไปยังฝ่ายนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทีมแพทย์จะลงพื้นที่มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุการตายน่าจะมาจากอาการป่วย หรือสภาพร่างกายอ่อนแอ ระหว่างที่ถูกนำมาพัก เพื่อรอการส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 เนื่องจากลักษณะเป็นค่ายเก่าห่างจากฝั่งรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย เพียง 300 เมตร เท่านั้น และเป็นเพียงแห่งเดียวในบริเวณนี้ หลังจากที่ทหารออกลาดตระเวนก็ไม่พบชาวโรฮิงยาเพิ่มเติม โดยเป็นการนำมาพักไว้ชั่วคราวก่อนส่งไปยังประเทศที่ 3 ส่วนในทางคดีเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนในรายละเอียด รวมทั้งกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้ามา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้มีการกันพื้นที่ ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเข้าไปใกล้บริเวณหลุมศพ

ด้านแหล่งข่าว เปิดเผยว่า ค่ายกักกันแห่งนี้ คาดว่ามีชาวโรฮิงยาอยู่ประมาณ 1,000 คน โดยจะถูกทยอยส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านจนหมด ที่เหลือคือคนป่วย บาดเจ็บ ส่วนผู้ที่เสียชีวิตก็จะถูกฝัง ดังเช่นที่พบ 30 กว่าศพในวันนี้ จากสภาพค่ายกักกันที่พบในวันนี้ หากเทียบกับค่ายอื่นๆ นับว่าอยู่ในสภาพที่ดี แม้จะนอนบนพื้นดินก็ตาม เพราะมีผ้าเต็นท์สำหรับกันฝน อีกหลายค่ายที่พบ มีเพียงเส้นลวดกันไม่ให้หลบหนีเท่านั้นเอง

วันเดียวกัน ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีพบศพชาวโรฮิงยา 32 ศพ ที่จ.สงขลา ว่า รายงานเบื้องต้นศพที่พบ ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย โดยศพดังกล่าวอยู่ใกล้โรงพยาบาลที่รับชาวโรฮิงยาที่หลบหนีเข้ามาไปรักษาพยาบาล ส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตเกิดจากการขาดอาหาร จากการอนุมานเบื้องต้นของตนคิดว่า อาจมาจากสาเหตุเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะให้ความชัดเจนได้มากกว่า 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรภาค 9 เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจค้นที่ค่ายกักกันชาวโรฮิงยา บนเขาหัวช้าง ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการจับกุมชาวโรฮิงยา ที่เขตสภ.หัวไทร และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนขยายผล จนกระทั่งทราบว่ามีค่ายกักกันหรือที่เรียกกันว่าคอก หรือที่กักกันชาวโรฮิงยา ในพื้นที่เขาหัวช้าง 

"เบื้องต้นทราบว่าพบศพในค่ายดังกล่าว 1 ศพ และคนป่วยอีก 1 คน ซึ่งเชื่อว่าชาวโรฮิงยาที่ถูกกักกันส่วนใหญ่ได้ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปในพื้นที่ประเทศมาเลเซีย ส่วนศพที่ทิ้งไว้เนื่องจากเป็นคนตาย คนป่วยที่ทิ้งไว้ก็คิดว่าไม่สามารถเดินทางได้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่ามีศพของชาวโรฮิงยา หรืออาจจะเป็นศพของใครก็แล้วแต่ ถูกฝังอยู่จำนวนมาก ในเบื้องต้นมีการกำหนดจุดที่จะขุด เพื่อตรวจสอบเป็นศพหรือมีศพใต้ดินหรือไม่ ประมาณ 32 หลุม" พล.ต.อ.สมยศ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ฝังคือศพละ 1 หลุม ไม่ได้ฝังรวม 32 ศพ อยู่ในหลุมเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ต้องรอแพทย์กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาร่วมทำการขุดอย่างละเอียด แต่เบื้องต้นจุดที่จะขุดมีประมาณ 32 จุด ส่วนชาวโรฮิงยาที่เขารูปช้างไม่มีอยู่แล้ว ทางการสืบสวนทราบว่ามีการเคลื่อนย้ายชาวโรฮิงยาทั้งหมด ไปในพื้นที่ของประเทศมาเลเซีย ประมาณ 2 วันที่แล้ว 

เมื่อถามว่า 32 หลุมหมายความว่า 32 ศพ หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ต้องรอขุดก่อน เบื้องต้นมีพื้นที่และจุดที่มีลักษณะน่าจะเป็นหลุมศพ และเชื่อว่าน่าจะเป็นหลุมที่ฝังศพ ก็กำหนดจุดคร่าวๆไว้ก่อน 32 จุด ส่วนหลุมนึงจะมีศพหรือไม่ มีกี่คนอย่างไร ต้องรอให้ขุดก่อน ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มขุด โดยพล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รายงานว่าต้องรอแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมขุด

เมื่อถามว่า ส่วนการสืบสวนขยายผลว่า มีขบวนการที่มีการเชื่อมโยง ตรงนี้ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปสอบสวนหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่ต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับให้สืบสวนสอบสวนขยายผลจากกรณีที่มีการจับกุมที่ สภ.หัวไทร ในส่วนนี้คือผลจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันสืบสวนสอบสวนขยายผล จนเป็นที่มาของการตรวจค้นที่เขาหัวช้าง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตต้องรอการตรวจสอบ

เมื่อถามว่า มีในส่วนของคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง ในเรื่องของขบวนการที่จะมีการเคลื่อนย้ายพวกแรงงานโรฮิงยาตรงนี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า จากการสอบสวนมีความเชื่อมโยงทางด้านการเงิน ที่ทราบเบื้องต้นก็คือมีชาวพม่าร่วมกับชาวมาเลเซีย และมีคนไทยร่วมอยู่ด้วย แต่จะเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นก็ต้องรอการสอบสวน 

เมื่อถามว่า จากสภาพค่ายกักกันมีมานานหรือยัง พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ถ้ามีการฝังศพนับ 10 ศพ คงจะมีเป็นเวลานานแล้ว อาจจะเป็นค่ายซึ่งมีอยู่แต่นำชาวโรฮิงยามาพักชั่วคราว เพื่อรอทางมาเลเซียมารับ เหมือนกับเป็นจุดที่พักรอ เพื่อที่จะขนส่งต่อ ส่วนกรณีที่มีหลุมหรือสิ่งที่น่าจะบอกเหตุว่าเป็นหลุมฝังศพ การตายด้วยสาเหตุอะไรต้องรอการพิสูจน์ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ค่ายนี้เป็นของทางการหรือว่าเป็นค่ายของในกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ ผบ.ตร.กล่าวว่า ค่ายคือที่ขบวนการค้ามนุษย์สร้างขึ้น แต่เราเรียกว่าค่ายกักกัน เพราะลักษณะเป็นที่พักแต่มีห้องกักกัน ซึ่งตนดูจากรูปที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมา เหมือนกรงขังคน แต่ทำด้วยวัสดุที่หาได้ในพื้นที่ เช่น ไม้ไผ่ กันการหลบหนี ในส่วนของความเชื่อมโยงกับพื้นที่หัวไทรนั้น จากการจับกุมที่สภ.หัวไทร มีการจับกุมได้บางส่วน แต่เส้นทางหรือลักษณะการนำพาชาวโรฮิงยานี้มีได้หลายรูปแบบ อาจจะมาทางบก ทางเรือ ไปขึ้นที่จังหวัดนั้น จังหวัดนี้ แต่จุดนี้เป็นค่ายพักรอ เพื่อที่จะส่งแรงงาน

"อาจจะเป็นคนกลุ่มเดียวกันแต่ที่เรามาที่ค่ายนี้ได้ เนื่องจากการจับกุมที่หัวไทร และการสอบสวนขยายผล มีการสอบสวนพยาน และก็บอกว่ามีค่ายกักกันอยู่ที่นี่ เพราะว่าจากการเริ่มต้นจับกุม ต้องจับกุมคนที่เกี่ยวข้อง แล้วถึงจะได้ข่าวหรือข้อมูล โดยอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว อยู่ระหว่างขยายผล" ผบ.ตร. กล่าว 

เมื่อถามว่า นอกจากพื้นที่หัวไทรแล้ว ทางการข่าวพบลักษณะพื้นที่แบบนี้อีกหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า พื้นที่เป็นตะเข็บรอยต่อ ส่วนใหญ่ทางการสืบสวนค่ายกักกันลักษณะเช่นนี้ บางครั้งเป็นที่พักชั่วคราว เพื่อรอส่งต่อ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ที่อยู่ตามตะเข็บชายแดน ซึ่งผบช.ภ.8 รายงานว่า จะต้องให้ผู้ใหญ่บ้านพื้นที่นั้นมายืนยัน ว่าจุดนั้นอยู่ในเขตชายแดนไทย หรืออยู่ในเขตชายแดนมาเลเซีย เพราะว่าบางครั้งอยู่บนเขาบอกได้ไม่ชัดเจน ต้องคนที่อยู่ในพื้นที่

ด้านพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. ฝ่ายป้องกันและปราบปราม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม สั่งการให้ตนพร้อมทีมพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงกรณีพบศพชาวโรฮิงยา เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิต และขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตรวจสอบว่าไปยังพื้นที่อื่น ที่คาดว่ายังคงมีค่ายกักกันชาว โรฮิงยาตามแนวชายแดน เบื้องต้นเชื่อว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นที่พักพิงชั่วคราว เพื่อเคลื่อนย้ายแรงงานชาวโรฮิงยาไปยังประเทศปลายทาง โดยเชื่อว่ามีคนไทย มาเลเซีย ตลอดจนพม่า มีส่วนร่วมในขบวนการ 

รองผบ.ตร.กล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ไปก่อนหน้านี้ รายงานว่าสถานกักกันดังกล่าวอยู่บนยอดเขาสูง มีพื้นที่กว่า 1 ไร่ มีทั้งโรงนอน โรงอาหาร และพบหลุมฝังศพ กว่า 30 หลุม และอยู่ห่างจากชายแดนประเทศมาเลเซีย ทางด้านรัฐเปอร์ลิสหรือปะลิส เพียง 300 เมตรเท่านั้น เชื่อว่าเป็นเพราะต้องการเคลื่อนย้ายแรงงานได้ตลอดเวลา และให้ยากต่อการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ในวันที่ 2 พ.ค. เวลา 09.00 น. ตนจะลงพื้นที่ไปพร้อมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศต่างรายงานข่าวดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ไม่ว่า เอเอฟพี เอพี รอยเตอร์ ฟ็อกซ์นิวส์ ดอยช์เวลล์ ส่วนใหญ่ระบุว่า ศพที่พบน่าจะเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์บริเวณชายแดนมาเลเซีย-ไทย จุดอันขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่พักพิงของแรงงานทาสอพยพ

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์โรฮิงยาที่อพยพมาว่า ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมที่หนีภัยความไม่สงบ ในศึกพิพาททางเชื้อชาติและศาสนาในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า ตั้งแต่สองปีก่อน และมีอีกส่วนที่มาจากบังกลาเทศมากขึ้น ทางสหประชาชาติ หรือยูเอ็น บรรยายว่า เป็นหนึ่งในชนกลุ่มน้อยที่ถูกกีดกันต้องระหกระเหินไร้หลักแหล่ง

ที่มา: khaosod
 
สงวนลิขสิทธิ์ © ข่าว ไทย