BREAKING NEWS

ห้องน้ำห้องนั้น - คอลัมน์ หลอน โดย นทธี ศศิวิมล

ห้องน้ำห้องนั้น - คอลัมน์ หลอน โดย นทธี ศศิวิมล

ผมเป็นเพื่อนกับทั้งปิยะและอรอนงค์ เราเอ็นทรานซ์ ได้คณะดังคณะเดียวกันทั้งสามคน นับเป็นประวัติศาสตร์ของโรงเรียน ชีวิตพวกเราในขวบปีแรกในมหาวิทยาลัยผ่านไปอย่างตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ นั่นคือชีวิตของพวกเราในปีพ.ศ.2533

พอขึ้นปีที่สองปิยะกับอร อนงค์ก็ย้ายจากหอในไปหอนอก แสดงตัวว่าเป็นแฟนกันจนเพื่อนๆ รู้กันดี ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันติดหนึบเหมือนปาท่องโก๋ พบปิยะในห้องสมุด นั่นหมายถึงอรอนงค์ต้องอยู่ด้วย พบอรอนงค์หน้าห้องน้ำผู้หญิง นั่นหมายถึงปิยะอยู่ไม่ไกลจากนั้น ช่วงเดือนแรกๆ เรายังไปไหนด้วยกันสามคนบ้างเพราะความแปลกหน้าของสถานที่ แต่หลังจากสองเดือนผ่านไปทั้งสองก็มักจะแยกตัวจากผม ผมพอจะเข้าใจ คนรักกันชอบกันก็เป็นอย่างนี้ ผมเองสนุกกับฟุตบอลจนไม่คิดเป็นแค่การออกกำลังแต่วางแผนไปถึงการเป็นอาชีพใน อนาคต

ผมไม่แน่ใจว่าทางครอบครัวของปิยะและอรอนงค์ทราบเรื่อง ที่ทั้งคู่เป็นแฟนกันและมาอยู่หอนอกด้วยกันหรือไม่ เราไม่ค่อยได้พบกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน พบกันก็ยังทักทาย

เริ่มเห็นอรอนงค์ กินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงและไม่มีปิยะเป็นครั้งแรกก็ตอนที่ผมกลับจากซ้อมช่วง ก่อนกีฬามหาวิทยาลัยไม่นาน ตอนแรกแม้จะสะดุดอยู่บ้างแต่ไม่คิดต่อ แต่พอเห็นปิยะเดินถามหาอรอนงค์กับผมครั้งแรกในโรงอาหารและไปพบอรอนงค์กิน ข้าวกับเพื่อนผู้หญิงและผู้ชายกลุ่มใหม่ของเธอที่ร้านหรูนอกมหาวิทยาลัยผมก็ ชักเอะใจ ทว่าชีวิตใครชีวิตมัน ผมไม่อยากยุ่งกับเรื่องของคนอื่นแต่ความเป็นเพื่อนทำให้ผมนั่งลงคุยกับปิยะ

ปิยะ หนีบเหล้าพร้อมกับแกล้มมาหาผมที่หอพัก ขอเข้าห้องแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการเทกับแกล้มใส่ชาม หาแก้วมาเติมเหล้าให้ผมแล้วก็เล่าว่าอรอนงค์เปลี่ยนไปอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนต้องการระบายให้ใครสักคนรู้

"ก็ต้องปรับความเข้าใจกัน เอ็งเป็นผู้ชายก็ขอโทษซะ จบ" ผมพูด

"มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ กูสงสัยว่าอรเริ่มคบคนอื่นมากกว่า"

ผมนึกไปถึงภาพอรอนงค์กับกลุ่มเพื่อนใหม่ แต่ไม่เล่าให้ปิยะฟัง กลัวบานปลาย

ปิยะพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับอรอนงค์อีกเยอะ จนเริ่มเมาก็พร่ำพรรณนาไปสารพัดจนหลับคาพื้นห้องจนถึงเช้า

นอก จากเดินสวนหรือในห้องบรรยายเป็นครั้งคราวที่พวกเราเจอกัน อรอนงค์เองดูเหมือนไม่อยากจะคุยกับผมเสียด้วยซ้ำ ไม่ปะหน้ากันจริงๆ ก็ไม่ยิ้มให้ ผมว่าเลี่ยงได้เธอคงอยากจะเลี่ยงด้วยซ้ำ

บ่าย วันนั้นเป็นการสอบเทอมสุดท้ายของปีสอง อรอนงค์ มีรหัสประจำตัวใกล้กันกับผมและทำข้อสอบวิชาเดียวกันถัดไปไม่ไกล ผมกำลังตั้งใจทำอย่างมีสมาธิ จู่ๆ ได้ยินเสียงเอะอะ โต๊ะล้มโครม ปิยะวิ่งเข้ามาในห้องสอบ ฉุดกระชากลากถูอรอนงค์ให้ออกจากห้องสอบ เจ้าหน้าที่ ผู้ดูแลห้องสอบเข้าห้ามปรามแต่ไม่สำเร็จ ปิยะทั้งดึงทั้งลากอรอนงค์ให้ออกจากห้องให้ได้ ทั้งสองแทบไม่ได้พูดจากัน นอกจากอรอนงค์ที่พูดว่าไม่ไป ปิยะพูดว่าไปกับกูเดี๋ยวนี้แค่นั้น ไม่นานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็มาถึงและนำตัวปิยะออกนอกตึก ส่วนอรอนงค์ไปไหนแล้วผมไม่เห็น เหตุการณ์จบลงโดยที่อรอนงค์หายไปไหนไม่ทราบ ไม่เข้าห้องสอบ การสอบดำเนินต่อไป

หลังสอบเสร็จไม่นาน มีเพื่อนวิ่งมาบอกว่าปิยะทะเลาะกับอรอนงค์อย่างหนักในห้องน้ำหญิง ทราบเพิ่มเติมต่อมาว่าปิยะเจออรอนงค์ที่ใกล้ตึกคณะและพาเธอเข้าห้องน้ำ เพื่อนๆ ของอรอนงค์ไม่ได้ห้ามปรามใน ตอนแรก เพราะปิยะมาพูดจาด้วยดี ไม่ได้รุนแรงอะไร อรอนงค์ยอมเข้าห้องน้ำไปด้วย จนสักพักเสียงของทั้งสองคนก็ดังขึ้นจนกลายเป็นทะเลาะกัน

ผม มาถึงทั้งคู่ยังทะเลาะกัน จับใจความได้ประมาณว่าอรอนงค์มีแฟนใหม่แล้ว ขอเลิกแต่ปิยะไม่ยอม หาว่า นอกใจ อรอนงค์ไม่ยอมรับ ผมกำลังลังเลว่าจะเข้ายุ่งเกี่ยวด้วยดีหรือไม่ก็ได้ยินเสียงปืนดังปังหนึ่ง นัด แล้วอีกไม่ถึงสิบวินาทีท่ามกลางความตกใจของทุกคนก็มีเสียงปืนดังอีกหนึ่งนัด เมื่อผมตั้งสติได้รีบวิ่งเข้าไป พบทั้งสองคนนอนจมกองเลือด รีบพาส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ทันเสียแล้ว

ปิยะยิงอรอนงค์ที่ศีรษะ ก่อนที่จะยิงตัวเองตายตาม!

หลัง จากนั้นมีคนได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันแว่วออกมาจากห้องน้ำห้องนั้นเป็น ประจำ แม้แต่ผมเองก็เคยได้ยินและเกินสองครั้งที่ผมได้ยินเสียงปืนเหมือนที่คนอื่น ได้ยินเช่นกัน

ทางมหาวิทยาลัยได้นิมนต์พระมาสวด ปักโยงสายสิญจน์รอบๆ บริเวณห้องน้ำ แต่ผ่านมากี่ปีๆ ก็ยังมีคนได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันและเสียงปืนดังขึ้นเสมอๆ จากห้องน้ำห้องนั้น

เราจึงเชื่อกันว่าปิยะและอรอนงค์ยัง คงวนเวียนอยู่กับวันสุดท้ายที่แสนเจ็บปวดและน่าเศร้าของพวกเขา น้องๆ นักศึกษาคนไหน ถ้าเข้าห้องน้ำหญิงที่คณะแล้วได้ยินเสียงดังที่ผมเล่ามานี้ล่ะก็ ช่วยแผ่เมตตาให้พวกเขาบ้างก็แล้วกันนะครับ
ที่มา: http://www.khaosod.co.th
 
สงวนลิขสิทธิ์ © ข่าว ไทย