ผู้การภาค 4 เผย แก๊งตำรวจอุดรฯ อุ้มรีดค่าไถ่ชาวลาว ยืนกระต่ายขาเดียวให้การในชั้นศาล สั่งเดินหน้าหาพยานขยายผลอายัดทรัพย์ ด้านผู้การฯ อุดร ลั่น ฟันไม่เลี้ยง หิ้วฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว...
ความคืบหน้ากรณีตำรวจชุดพิรุณ สภ.เมืองอุดรธานี 6 นาย ร่วมกับ พลเรือนอีก 3 คน จับกุมสองแม่ลูกนักธุรกิจชาวลาวอ้างข้อหาค้ายาบ้า แล้วเรียกเงินค่าไถ่จำนวน 2 ล้านบาท จนญาติชาวลาวได้ขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จ.หนองคาย วางแผนช่วยเหลือและจับกุมแก๊งตำรวจอุดรธานีได้ยกแก๊ง ตามที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 28 เม.ย. 58 พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า หลังจากมีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 6 นายออกจากราชการไว้ก่อนนั้น ในแนวทางการสืบสวนสอบสวนก็เดินหน้าต่อไป มีการสอบสวนผู้เสียหายและพยานไว้เกือบครบแล้ว ซึ่งพยานสำคัญคือการส่งมอบเงินมอบของกันที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ทั้งหมดไม่ได้ให้การที่เป็นประโยชน์กับชุดสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ยังคงยืนกรานที่จะให้การในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว ต้องส่งตัวทั้งหมดฝากขัง โดยเจ้าหน้าที่จะคัดค้านการประกันตัวทั้ง 9 คน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญอาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากมีการสอบสวนแล้วพบว่ามีส่วนกระทบระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาวอาจใช้วิธีทางการทูตประกอบด้วย พร้อมกันนี้ยังให้ชุดสืบสวนศึกษากฎหมายว่าจะดำเนินการยึดทรัพย์ว่าเข้าข่ายหรือไม่ หากพบว่าเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการยึดทรัพย์ โดยผู้บังคับบัญชาได้ย้ำให้สอบสวนอย่างรัดกุม
ด้าน พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี กล่าวว่า กรณีที่ตำรวจอุดรธานีมาถูกจับกุมที่หนองคายในเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์นั้น ตนได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาโทษทางวินัยแล้ว ในขณะเดียวกันก็มีคำสั่งให้ออกจากราชการทั้งหมดไว้ก่อน ส่วนที่ว่าตำรวจชุดนี้เคยมีพฤติการณ์เช่นนี้มาก่อนตนยังไม่ได้รับรายงาน ไม่หนักใจแม้ว่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาผิดก็ว่าไปตามผิด โดยตำรวจชุดนี้มาทำงานในพื้นที่หนองคายโดยไม่ได้รายงานให้ตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีทราบก่อน เพราะเป็นความรับผิดชอบของ สภ.เมืองอุดรธานี ตนทราบว่ามีการจับกุมยาเสพติด 2 รายในพื้นที่อุดรธานีและมีการขยายผลมา เห็นว่ามีการลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไปว่าจริงเท็จอย่างไร ซึ่งภาพลักษณ์ของตำรวจอุดรธานีนั้นต้องเร่งปรับปรุง เพราะตนไปอยู่ที่อุดรธานี 6 เดือน ได้ให้ตำรวจในสังกัดออกจากราชการไว้ก่อนแล้วถึง 8 คน ตนมีตำรวจอยู่ 2 พันกว่าคนก็ต้องมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน
ต่อมาเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พ.ต.ท.ไตรเทพ ไตรยางค์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ได้นำตัว ร.ต.อ.สุรพัศ เพ็ญศรี รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.ท.พีระพงษ์ ตรีพงษ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.ต.สมเด็จ สุขรมย์ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ด.ต.ปกรณ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี ด.ต.ชัยณรงค์ อรดี ผบ.หมู่ จร.สภ.เมืองอุดรธานี ด.ต.วีระวัฒน์ ตานุชนม์ ผบ. หมู่ (สส.) สภ.เมืองอุดรธานี นายธวัชชัย ทิพสุภา นายตี๋ อาจสุวรรณ์ และ นางสาวพัชรมัย พรหมวิชัย ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว มายังศาลจังหวัดหนองคายเพื่อขอฝากขังผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน
พ.ต.ท.ไตรเทพ ไตรยางค์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ได้ยื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ศาล และจะขอคัดค้านการประกันตัว โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ขณะเดียวกันได้มีทนายฝั่งจำเลยเดินทางมาพร้อมด้วย ซึ่งคาดว่าจะมาเตรียมขอประกันตัว หากมีการประกันตัวต้องใช้หลักทรัพย์คนละหลายแสนบาท เนื่องจากมีข้อหาหนักถึง 7 ข้อหา
