ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 04.30 น.วันที่ 12 เม.ย.58 พ.ต.ท.วิทยาบุญวัน พนักงานสอบสวน สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถกระบะชนต้นไม้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายที่บริเวณถนนสายพิมาย-ชุมพวง กม.ที่ 5-6 ม.3 บ้านฉกาดช่องโค ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมหน่วยกู้ภัยพิมาย
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะแค็บยี่ห้อมาสด้า บีที 50 สีขาว หมายเลขทะเบียน ผว 4848 นครราชสีมา หน้ารถชนอยู่ติดกับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ส่วนกระบะท้ายมีหลังคาสูงที่ใส่ไว้ชั่วคราว หลุดออกไปกองอยู่ข้างทางป่าละเมาะ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจำนวน 5 คน ต่างนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด และนอนรอคอยความช่วยเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุ
ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพิมายได้ระดมกำลังทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่ง รพ.พิมาย เนื่องจากแต่ละคนมีอาการสาหัส โดยเฉพาะนายสมถวิลย์ เทียนพิมาย อายุ 56 ปี พ่อของคนขับได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากใบหน้ากระแทกกับคอนโซลจนเลือดไหลนองหน้า และกระดูกต้นคอเคลื่อนจนต้องดามคอ รวมทั้งมีอาการบาดเจ็บตามร่างกายแขนและขา ประกอบกับเป็นคนสูงอายุทำให้อาการหนักขั้นโคม่า เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวส่ง รพ.พิมาย เพื่อช่วยชีวิตเป็นคนแรก ส่งต่อไปยัง รพ.มหาราชนครราชสีมา และมีผู้เสียชีวิต 1 คน คือ นายอานนท์ ฐะศักดิ์ อายุ 42 ปี เพื่อนบ้านที่นั่งกระบะมาด้วยอยู่บ้านเลขที่ 220 ม.12 ต.โบสถ์ อ.พิมาย มีสภาพคอหักจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ขณะที่นายเอนก เทียนพิมาย อายุ 31 ปี คนขับมีอาการแน่นหน้าอก เนื่องจากกระแทกกับพวงมาลัย ส่วนอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง
เบื้องต้นได้สอบสอบถามนายเอนก เทียนพิมาย อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.22 บ้านหนองจิก ต.โบสถ์ อ.พิมาย คนขับรถที่มีอาการแน่นหน้าอกเล่าว่า ตนขับรถออกเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็นของเมื่อวานนี้ (11 เม.ย.58) โดยตนมีอาชีพเป็นพนักงานขับรถส่งของอยู่ในกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีการหยุดงานจึงเดินทางเพื่อจะกลับมาภูมิลำเนาที่บ้านโดยมีพ่อของตนเดินทางกลับมาด้วย ซึ่งพ่อนั่งอยู่เบาะหน้าด้านซ้ายข้างคนขับ และมีเพื่อนหญิงนั่งอยู่แค็บหลัง 1 คน รวมที่นั่งมาในตัวเก๋ง 3 คน และยังมีที่นั่งอยู่กระบะหลังอีก 2 คน 1 คนคอหักเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนคนขับพอให้การว่า กำลังจะมุ่งหน้ากลับบ้านที่บ้านหนองจิก อ.พิมาย ซึ่งเหลืออีก 20 กว่ากิโลเมตรจะถึงบ้านอยู่แล้ว แต่ในช่วงที่ขับรถมาเกิดปัญหารถติดขัดอย่างหนักเกือบตลอดเส้นทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณกว่า 10 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกง่วงและอ่อนเพลีย ขณะขับรถมาระหว่างทางคิดเหมือนกันว่าจะหยุดพักแต่เห็นว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านอยู่แล้วก็อดทนขับมาเรื่อยๆ พอมาถึงที่เกิดเหตุรู้สึกเหม่อลอยประกอบการจุดเกิดเหตุเป็นที่มืดทำให้เกิดอาการวูบหลับชั่วขณะ รถจึงเสียหลักวิ่งเบนออกไปทางช่องเลนขวาแล้วพุ่งไปชนกับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ทำให้ด้านหน้ารถพังยับและหลังคากระบะหลุดออกไปกองอยู่กับป่าละเมาะข้างทางทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/492626
