วันที่ 28 เม.ย. ที่โปโลฟาร์ม ต.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายธนูสินธุ์ ไชยศิริ นายอำเภอกมลาไสย พร้อมด้วยนายนิติพัฒน์ เตียนพลกรัง ประมง จ.กาฬสินธุ์ เดินทางเข้าไปพบกับนางนิตยา กัณฑิศักดิ์ เจ้าของโปโลฟาร์ม หลังมีภาพปรากฏโชว์ปลาหมอพันธุ์ยักษ์ของทางฟาร์มผ่านสื่อมวลชนบางสำนัก แต่ถูกแอบอ้างว่าเป็นผลงานวิชาการของศูนย์พัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร ที่ตอนนี้สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจอย่างมาก มีลูกค้าทั่วประเทศโทรเข้ามาต่อว่าทั้งวัน
นางนิตยา กัณฑิศักดิ์ กล่าว่า ขณะนี้ทางฟาร์มได้รับผลกระทบอย่างมาก รวมถึงเสื่อมเสียชื่อเสียงที่สั่งสมมาเกือบ 10 ปี ความพยายามทุ่มเทในการพัฒนาต่อยอดพันธุ์ปลาหมอจนปลาหมอที่เลี้ยงโดยเกษตรกรกาฬสินธุ์ มีคุณสมบัติพิเศษ ตัวใหญ่ ขนาด 800 กรัม ถึง 1 ก.ก.ใช้เวลาเลี้ยงเพียง 120 วัน แต่เมื่อมีภาพและข่าวดังกล่าวออกไป มีลูกค้าโทรมาต่อว่าทางฟาร์มตลอดทั้งวัน เรื่องที่เกิดขึ้นน้อยใจมากเพราะทางฟาร์มมีความตั้งใจ ความพยายามที่จะพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในพื้นที่ และบรรดาพ่อค้าแม่ค้าให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
แต่เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กลับมาถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงลูกค้าหรือเปล่า ฟาร์มไม่ได้เพาะพันธุ์เองใช่ไหม จึงเกิดเป็นความเสียหาย เพราะลูกค้าของฟาร์มสูญเสียความเชื่อมั่น ซึ่งก็ต้องเห็นใจทางเกษตรกรด้วยเพราะทุกอย่างเป็นการลงทุนส่วนตัว เมื่อเกิดความเสียหายเช่นนี้ก็ยากที่หน่วยงานภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งทุกอย่างก็ต้องมีการพูดคุยกัน อยากจะให้เกิดความรับผิดชอบตรงจุดนี้ด้วย
นางเสาวลักษณ์ ลาภบุญเรือง ประมงอำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าที่ฟาร์มโปโล ซึ่งเป็นของนางนิตยา กัณฑิศักดิ์ เกษตรกรในเขตพื้นที่บ้านโปโล อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการร่วมการวิจัยและทดลองการผสมพันธุ์ปลาหมอข้ามสายพันธุ์จริง โดยทางสำนักงานประมงอำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ได้เข้าไปให้ความรู้และให้การส่งเสริมการพัฒนาสายพันธุ์ปลาหมอมาตั้งแต่ปี 2550 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางฟาร์มได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐมาด้วยดี ทั้งด้านการเป็นวิทยากรเสริม เป็นแหล่งเรียนรู้การทำการประมง เป็นการทำงานร่วมกันมาโดยตลอด และด้วยเพราะเป็นฟาร์มเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ ทั้งมีการจำหน่ายปลาเนื้อและลูกปลาหรือพันธุ์ปลาด้วย เพื่อให้เกิดกระบวนการคิดค้นและทำการวิจัยเพื่อหาวิธีการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
จนกระทั่งมีการนำพันธุ์ปลาหมอมาพัฒนาพันธุกรรมเกิดเป็นปลาหมอจนเป็นสายพันธุ์ที่นิ่งและตั้งชื่อว่า “สายพันธุ์โปโลฟาร์มกาฬสินธุ์เจ๊นิด” ซึ่งได้ตั้งชื่อตามพื้นที่กำเนิดของสายพันธุ์ปลาชนิดนี้และให้เป็นเกียรติกับผู้ที่เสียสละตนเองศึกษาค้นคว้าวิจัยจนพบสายพันธุ์ปลาหมอยักษ์มีขนาด 800 กรัม – 1 ก.ก. และใช้เวลาเลี้ยงเพียงแค่ 120 วันหรือ 4 เดือน และทางเจ้าของฟาร์มโปโล ก็เป็นที่น่ายกย่องมากเพราะความรู้เพียงแค่ ม.6 แต่มีความรู้ความสามารถศึกษาค้นคว้าได้ขนาดนี้ และที่พิเศษที่สุด คือ สายพันธุ์ปลาหมอยักษ์ของโปโลฟาร์มนี้ เป็นสายพันธุ์ที่นิ่ง และยังได้รับมาตรฐาน safety level ซึ่งเป็นมาตรฐานอาหารปลอดภัยของกรมประมงด้วย
“ความสำเร็จครั้งนี้ เกิดมาจากการร่วมมือของทางภาครัฐและเอกชนในพื้นที่บ้านโปโล โดยโปโลฟาร์มและภาครัฐคือ ประมงอำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พื้นที่แห่งนี้มีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากว่า 100 ราย ถือเป็นแหล่งประมงขนาดใหญ่และมีรายได้หมุนเวียนของกลุ่มเกษตรกรจำนวนมาก นอกจากนี้แล้ว ปลาหมอสายพันธุ์โปโลฟาร์มกาฬสินธุ์เจ๊นิด ยังเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีตามท้องตลาดว่ามีคุณสมบัติเด่น คือ ตัวใหญ่ หัวเล็ก ขึ้นสัน ต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ และออกจำหน่ายตามท้องตลาด ทั้งที่เป็นปลาเนื้อและเป็นลูกปลาอย่างจริงจังในปี 2552 หลังจากพัฒนาสายพันธุ์จนนิ่งแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้ว เคยแนะนำให้ทางฟาร์มไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไว้ แต่ฟาร์มอยากให้เป็นวิทยาทานแก่สถาบันการศึกษาและนักศึกษาที่ยังหวังให้มีการพัฒนาต่อยอดไปกว่านี้อีก กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะต่อไปเกษตรกรคงไม่กล้าพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับภาครัฐ เพราะกลัวจะถูกขโมยความคิดไปเหมือนกับที่เกิดขึ้นครั้งนี้” นางเสาวลักษณ์กล่าว
นายธนูสินธุ์ ไชยศิริ นายอำเภอกมลาไสย กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจากประมง อ.กมลาไสย กรณีมีภาพนางนิตยา กัณฑิศักดิ์ เจ้าของโปโลฟาร์ม กับปลาหมอพันธุ์ยักษ์บนหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง แต่ถูกแอบอ้างว่าเป็นผลงานวิชาการของศูนย์พัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร จึงได้ร่วมกับประมง จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่เพื่อสอบถามปัญหาและข้อเท็จจริงเบื้องต้น ซึ่งจะได้รายงานให้ ผวจ.กาฬสินธุ์ทราบในโอกาสต่อไป ส่วนในกรณีหาทางออกของปัญหานั้น เป็นสิทธิของนางนิตยาฯ ที่สามารถดำเนินการได้ตามดุลยพินิจของเจ้าของฟาร์ม เนื่องจากได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ เขต อ.กมลาไสย ถือเป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงปลาหมอแหล่งใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะที่นายนิติพัฒน์ เตียนพลกรัง ประมง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการไกล่เกลี่ย แต่เข้ามาสอบถามข้อมูลพร้อมทั้งให้กำลังใจเกษตรกร ไม่รู้ว่าเกิดความผิดพลาดตรงจุดไหนถึงเกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามฟาร์มแห่งนี้เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ มีผลผลิตที่ออกตลาดจำนวนมาก ทั้งนี้ จ.กาฬสินธุ์ เป็นแหล่งทำการประมงขนาดใหญ่ของประเทศ ทั้งกุ้งก้ามกราม ปลาหมอ ปลาดุก และปลานิล มียอดผลผลิตสัตว์น้ำออกตลาดเป็นอันดับหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทางประมง จ.กาฬสินธุ์ และระดับอำเภอ ให้การส่งเสริมและจัดทำทะเบียนเกษตรกรไว้อย่างครบถ้วน ถึงอย่างไรเมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้นมาก็จะรายงานข้อเท็จจริงไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และได้แนะนำให้ทางฟาร์มปลาได้ไปจดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเช่นนี้อีก
ที่มา: khaosod
